5 จำนวนผู้เข้าชม |
แอดมินเขียนแบบตรงไปตรงมาเลยนะครับ เพื่อเป็นกรณีศึกษา และเมื่ออ่านจบ จะเห็นภาพที่หลายคนบอกว่า Lexus ไม่ค่อยเสีย หมายความว่าอย่างไร ^^
ตอนท้ายมีสรุปนะครับ ถ้าใครอยากดูแค่สรุปครับผม
เอาให้ละเอียด ค่าดูแลรถจะแบ่งเป็น 2 ประเภทนะครับ ถ้าเข้าใจเรื่องนี้ จะสามารถควบคุมความเสี่ยงในการเล่นรถมือสองได้ดีขึ้นครับ
ในวงการรถยนต์ ค่าเสื่อมและค่าซ่อมมีความหมายและการใช้ที่แตกต่างกันดังนี้:
1. **ค่าเสื่อม (Depreciation)**:
- เป็นค่าลดลงของมูลค่าของรถยนต์ตามกาลเวลาและการใช้งาน
- เกิดจากการใช้งานรถยนต์ทั่วไป การสึกหรอ และการเสื่อมสภาพตามธรรมชาติ
- เป็นการประเมินว่ารถยนต์จะมีมูลค่าน้อยลงเท่าใดหลังจากใช้ไประยะหนึ่ง
- มีความสำคัญในการคำนวณมูลค่ารถยนต์เมื่อจะขายต่อหรือเมื่อคิดค่าเช่ารถ
2. **ค่าซ่อม (Repair Costs)**:
- เป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในการซ่อมแซมและบำรุงรักษารถยนต์
- รวมถึงค่าใช้จ่ายสำหรับการซ่อมแซมส่วนต่างๆ ของรถยนต์ที่ชำรุดหรือเสียหาย
- อาจรวมถึงค่าแรงงาน, ค่าอะไหล่, และค่าบริการจากช่างหรือศูนย์บริการ
- เป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเมื่อมีการซ่อมแซมจริง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับมูลค่าลดลงตามกาลเวลา
ดังนั้น ค่าเสื่อมเป็นการคำนวณมูลค่ารถที่ลดลงเมื่อใช้งานไปเรื่อยๆ ขณะที่ค่าซ่อมเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงเมื่อรถยนต์ต้องการการซ่อมแซมหรือบำรุงรักษา
มาครับเข้าสู่ข้อมูลใช้งานจริงกัน
คันนี้แอดมินถือว่าโชคไม่ดีพอสมควรเรื่องซ่อมบำรุง แต่ก็ยังโชคดีที่ตัวถังรถใช้ได้
เรื่องมีอยู่ว่า ตอนนั้นยังไม่มีบริการตรวจสภาพรถก่อนซื้อแอดมินยังไม่รู้จักพี่ช่างออนไลน์ในปัจจุบันนี้ ก็ไม่รู้จะไปพึ่งพาท่านใด ก็เลยไปค้นหาช่างสักคน เพื่อช่วยควบคุมความเสี่ยงเรื่องนี้ และแล้วก็ได้ช่างมา 1 คน แอดมินซื้อรถคันนี้แบบไม่ได้ทดสอบด้วยตัวเอง เพราะตรวจเองไม่เป็น และไม่อยากศึกษาด้วย มองว่าคงได้ใช้สกิลไม่บ่อย ที่สำคัญความชำนาญไม่น่าจะสู้คนที่เค้าชำนาญมาก่อนแล้ว จึงตัดสินใจให้ช่างท่านนึงตรวจแทน เมื่อได้รถมาก็จ่ายตามนี้เลยครับผม
ซ่อมครั้งแรกเมื่อได้รถมา
1.โช๊ครั่ว 4 ต้น อูยยยยยย 42,000 บาท แอดมินเลยเปลี่ยนเป็นโช๊คสตัสไปซะเลย ปรับหนืดได้ 32 ระดับ ปรับสูงต่ำได้ฟินๆ
***รายการนี้ถือเป็นของเสื่อม ซึ่งถ้าให้ดีเราเลือกคันที่ไม่เสื่อมมา เราก็ไม่ต้องซ่อมครับผม
2.ทำเบรค จานคต ผ้าเบรคหมด ลูกสูบเบรคขัด เบรคทีพวกมาลัยสั่น นึกว่าร่างทรง เลยต้องเปลี่ยนเป็นเบรคแต่งทั้งชุดหน้าหลัง อันนี้โดนไป 110,000 บาท อันนี้ที่เลือกของแต่ง เพราะแอดมินเช็คราคาศูนย์แล้วพอๆกัน เลยตัดสินใจเอาของแต่งดีกว่า หล่อกว่าด้วยและโดยหลักการระยะเบรคสั้นกว่าด้วย
***รายการนี้ถือเป็นของเสื่อม ซึ่งถ้าให้ดีเราเลือกคันที่ไม่เสื่อมมา เราก็ไม่ต้องซ่อมครับผม
แล้วก็ถ่ายของเหลวตามสูตร เมื่อได้รถมาเราควรทำเลย นับหนึ่งที่เราไปเลยสบายใจกว่าครับ เท่ากับว่าได้รถมาครั้งแรก โดนเลยประมาณ 170,000 บาท ไม่น่าเลย
***ปกติค่าซ่อมเฉลี่ยครั้งแรกจะอยู่ที่ประมาณ 30,000-50,000 บาท ( ค่าเฉลี่ยจากบริการตรวจสภาพรถก่อนซื้อ ) แต่ตอนนั้นยังไม่มีบริการตรวจสภาพรถก่อนซื้อ ก็เลยจัดไปเต็มๆ ^^
ต่อเป็นก็จะเป็นรายการที่ทำเรื่อยๆภายใน 5 ปีนะครับผม
3.โซโวแอร์ อันนี้จะว่าเป็นโรคประจำตัวของ GS เลยก็ว่าได้ เป็นได้เกือบทุกคันจริงๆ ก็คือ แอร์จะร้อนบางฝั่ง เพราะตัววัดอุณภูมิเสีย ถ้าจำไม่ผิดมีทั้งหมด 7 ตัว อันนี้ตัวไหนเสียก็เปลี่ยนตัวนั้นครับ ของแอดมินเสียตัวนึง ก็จัดไป 1 ตัวครับ มือสอง ค่าซ่อมครั้งนี้ราวๆ 5,000 บาทครับ
***รายการนี้คือการซ่อมครับผม
4.ใช้ไปประมาณ 3 ปีได้ รู้สึกช่วงล่างเริ่มออกอาการ เลยเอาไปเช็ค สรุปว่าพวกลูกหมาก บูช เริ่มเสียแล้ว อันนี้แอดมินเลยยกชุดใหม่เลยทั้งหมด เป็นตัวปรับแคมเบอร์ได้ด้วย ซึ่งซ่อมครั้งนี้หมดไปประมาณ 50,000 บาท
แต่จริงๆอันนี้ก็มองได้ว่าเป็นค่าเสื่อมนะครับผม ทุกคันทุกยี่ห้อต้องเจอ
***รายการนี้ถือเป็นของเสื่อม แต่ก็ได้ใช้มาฟรีตั้ง 3 ปี แอดมินมองว่าคุ้มครับ สำหรับประเด็นนี้ครับ
5.มอเตอร์ฝาท้ายไฟฟ้า ฝาท้ายไฟฟ้ายกไม่ขึ้นแล้ว มอเตอร์เสีย ค่าซ่อมครั้งนี้ประมาณ 35,000 บาท
***รายการนี้คือการซ่อมครับผม
6.ตัดระบบฮีตเตอร์ อันนี้ทีเด็ดเลย พอดีว่ารอบนี้โซโวแอร์เสียอีกแล้ว ตัวเดิมเลย ระหว่างทางก็เลยไปเจอช่างคนนึงที่เพชรบุรี ช่างแนะนำว่าให้ตัดระบบฮีตเตอร์ โซโวน่าจะยังไม่เสีย ช่างบอกว่าใจตุ้มๆต่อมๆมาก เพราะว่าช่างบอกว่าอาจลามไปคอมแอร์แล้ว และอาจจะต้องเช็ครังผึ้ง สรุปเลยลองตัดระบบฮีทเตอร์ออก และถ่ายน้ำยาแอร์ใหม่ บอกเลยว่า โอ้วววววววววววววววววววววววว เย็นยะเยือกมากๆ และที่สำคัญ จ่ายค่าทำไปแค่ 1,500 บาทเอง
***รายการนี้คือการซ่อมครับผม
7.สไปรอนพวงมาลัย อันนี้ไปเปลี่ยนพวงมาลัยแต่งตัวใหม่มา เลยต้องเปลี่ยนสไปล่อนด้วย โดนไป 3,500 ครับ
***รายการนี้คือการซ่อมครับผม
8.ยางรถยนต์ 20,000 บาท
***รายการนี้คือค่าเสื่อมครับผม
หมดแล้วครับ 5 ปีซ่อมแค่นี้จริงๆ รถใช้ค่อนข้างเยอะด้วยนะครับ เพราะซื้อมา ใช้ไปตั้ง 70,000 โล ภายใน 5 ปี ดูแลรักษาไปทั้งหมดแค่ เองครับ ที่เหลือก็จะมีพวกเปลี่ยนยาง ซึ่งแอดมินมองว่าเป็นค่าเสื่อมครับ
สรุป คือ
วิ่ง 70,000 โล ภายใน 5 ปี ทำรถทั้งหมดประมาณไป 8 ครั้ง รวมเป็นเงินประมาณ 285,000 บาท( ไม่ได้เอาของเหลวมารวมนะครับ เพราะแต่ละคนอาจใช้ไม่เท่ากันครับ ) และถ้าแยกกันให้ดีๆ เป็นรายการซ่อมแค่ 41,500 บาทเอง
ห๊ะ เป็นรายการซ่อมแค่ 41,500 บาทเอง ภายใน 5 ปี
ที่เหลือเป็นของเสื่อมสภาพหมดเลย ฉนั้นถ้าใครกำลังมองการเปรียบเทียบค่าซ่อม ให้มองแค่ค่าซ่อมนะครับ ไม่ต้องเอาค่าเสื่อมไปเปรียบเทียบ เพราะว่าถ้าเราซื้อรถไม่ว่ายี่ห้อไหน ยังไงเราก็ต้องจ่ายเงินให้กับอุปกรณ์ที่เสื่อมอยู่แล้วครับผม และนี่คือสิ่งที่ทำให้ Lexus ถูกมองว่ามันไม่ค่อยเสีย ก็คือเรื่องนี้ครับผม ไม่เหมือนหลายๆยี่ห้อที่ เดี๋ยวโน่นโชว์ เดี๋ยวนี่โชว์ อะไรประมาณนั้นครับ ^^
และอีก 1 ประเด็นก็คือ สำคัญมากๆๆๆๆๆๆๆ สำหรับคนที่จะซื้อรถมือสองมาใช้ ให้ดูเคสแอดมินเป็นตัวอย่างได้เลยครับผม ได้รถมาค่อนข้างโทรม ครั้งแรกเลยต้องจ่ายค่าทำตั้งเกือบ 200,000 บาทแหนะ แนะนำจากใจ ใช้บริการตรวจสภาพรถก่อนซื้อเถอะครับ แอดมินเป็นห่วงมากๆ อยากให้เพื่อนสมาชิกได้รถดีๆไปใช้ครับผม อยากให้เกิดประสบการณ์ดีๆกับ Lexus กันทุกคนครับ
จบแล้วครับผม
ขอให้มีความสุกกับการใช้รถ Lexus กันทุกคนนะครับผม
Lexus Family Thailand Landmark พบกันเร็วๆนี้ที่ดอนเมืองครับผม